ช่วงฤดูร้อนปี 2529 การเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ค้นพบอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เงียบสงบ ที่ซึ่งวิถีชีวิต วัฒนธรรมของผู้คน และธรรมชาติยังคงดำเนินไปด้วยกันฉันท์มิตร ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและสายน้ำ “อมก๋อย” ยังถือเป็นอำเภอห่างไกลในสมัยนั้น ด้วยว่าตั้งอยู่ทางใต้สุด จากจังหวัดเชียงใหม่ไป 180 กิโลเมตร เขตพื้นที่ติดกับจังหวัดตากและแม่ฮ่องสอน การเดินทางไปจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ด้วยความพิสุทธิ์ของธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่ง ได้สร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายก่อเกิดความฝันเล็กๆ ณ อำเภอเล็กๆ แต่เปี่ยมเสน่ห์แห่งนี้
ราวต้นปีถัดมา ฝันเล็กๆ ก็ก่อตัวขึ้นบนผืนดินขนาด 75 ไร่ เหนือระดับน้ำทะเล 900 เมตร โอบรอบด้วยลำน้ำแม่ตื่นและเนินเขาลูกย่อม ในอำเภออมก๋อย ก็ถูกพลิกฟื้นจากไร่สะระแหน่เก่าให้กลายเป็นสวนกาแฟพันธุ์อะราบิก้า และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนมาเป็นสวนผลไม้เมืองหนาว อย่าง ท้อ บ๊วย พลับ สาลี่ และแอปเปิ้ล จวบจนเป็นสวนลิ้นจี่
ในท้ายที่สุด ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี นับแต่ปี 2530 บนเส้นทางเกษตรกรรมพืชเมืองหนาว จากคนเมืองที่ไม่มีพื้นฐานการเกษตรมาก่อนในชีวิต อาศัยความรู้และเรียนรู้จากคนงานชาวปากะญอในไร่ และลองผิดลองถูกจนได้มาซึ่งประสบการณ์ ทำให้รู้ว่าหากใช้การตลาดเป็นตัวนำเมื่อไหร่ความไม่แน่นอนก็จะตามมาเมื่อนั้น เพราะ ความผันผวนของตลาดและเศรษฐกิจเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไปในตอนนั้น นอกเหนือจากความอบอุ่นของแสงแดด ความชุ่มเย็นของสายน้ำ และความชุ่มชื่นของต้นไม้ใบหญ้าแล้ว คือ วิถีชีวิตเรียบง่ายของชุมชนชาวปากะญอที่พันผูกอย่างลึกซึ้งกับผืนดินเกษตรกรรมผืนนี้ และ ยังคงรักษาพื้นฐานการดำรงชีวิตแบบ “พอเพียง” รักษาเอกลักษณ์ของชุมชนตนเองไว้ได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง ราวกับเป็นความสัมพันธ์ที่คอยเติมแต่งดุลยภาพของชีวิตกับงาน บนวิถีแห่งธรรมชาติไว้อย่างงดงามแน่นแฟ้น